หมวด ๒
การควบคุมและการบริหาร
ส่วนที่ ๑
การควบคุม
การควบคุมและการบริหาร
ส่วนที่ ๑
การควบคุม
มาตรา ๑๔ ให้มีสภาทหารผ่านศึก ประกอบด้วยรัฐมนตรีเป็นนายก
ผู้อำนวยการเป็นอุปนายก รองผู้อำนวยการเป็นกรรมการโดยตำแหน่ง และกรรมการ
ซึ่งเป็นรัฐมนตรีแต่งตั้งด้วยความเห็นชอบของสภากลาโหม คือจากทหารผ่านศึก
ประจำการเจ็ดคน และทหารผ่านศึกนอกประจำการเก้าคน
ให้เลขานุการ อผศ. เป็นเลขาธิการสภาทหารผ่านศึกโดยตำแหน่ง
มาตรา ๑๕ กรรมการที่ได้รับแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งสองปี
ในวาระเริ่มแรก เมื่อครบกำหนดหนึ่งปี ให้กรรมการที่ได้รับแต่งตั้งประเภท
ทหารผ่านศึกประจำการพ้นจากตำแหน่งสามคน และประเภททหารผ่านศึก
นอกประจำการพ้นจากตำแหน่งสี่คน ทั้งนี้โดยวิธีจับสลากการพ้นจากตำแหน่งดังกล่าว
ให้ถือว่าเป็นการออกตามวาระ
ถ้าตำแหน่งกรรมการว่างลงเพราะเหตุอื่น นอกจากถึงวาระ ให้แต่งตั้งบุคคล
ในประเภทเดียวกันเป็นกรรมการแทนเท่าวาระของกรรมการที่พ้นจากตำแหน่ง
มาตรา ๑๖ ให้คณะกรรมการที่พ้นจากตำแหน่งตามวาระคงมีอำนาจและ
หน้าที่ดำเนินการในตำแหน่งต่อไปจนกว่ากรรมการที่ได้รับแต่งตั้งใหม่เข้ารับหน้าที่
กรรมการที่พ้นจากตำแหน่งตามวาระ อาจได้รับแต่งตั้งอีกได้ไม่เกินหนึ่งครั้ง
ติดต่อกัน
มาตรา ๑๗ กรรมการย่อมพ้นจากตำแหน่งก่อนถึงวาระ โดย
(๑) ลาออก
(๒) รัฐมนตรีให้ออกโดยความเห็นชอบของสภากลาโหม
(๓) กรรมการ ประเภททหารผ่านศึกประจำการหรือกรรมการประเภท
ทหารผ่านศึกนอกประจำการพ้นจากการเป็นทหารผ่านศึกประเภทดังกล่าว
มาตรา ๑๘ ให้สภาทหารผ่านศึกมีอำนาจหน้าที่วางนโยบายและควบคุม
กิจการทั่วไปของ อผศ. และให้มีอำนาจ
(๑) กำหนดข้อบังคับตามมาตรา ๑๑
(๒) กำหนดข้อบังคับเกี่ยวกับการบริหารงานและดำเนินกิจการ
(๓) กำหนดข้อบังคับเกี่ยวกับการเงิน ทรัพย์สิน และการบัญชี รวมทั้ง
การสอบบัญชีและการตรวจ
(๔) กำหนดข้อบังคับว่าด้วยบำเหน็จและเงินสะสมของพนักงาน
(๕) กำหนดข้อบังคับว่าด้วยกองทุนสงเคราะห์ เงินสมทบกองทุนสงเคราะห์
หรือการสงเคราะห์อื่น ๆ เพื่อสวัสดิการของผู้ปฏิบัติงานและครอบครัว ซึ่งเมื่อได้รับ
ความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้วให้ใช้บังคับได้
(๖) พิจารณาให้ความเห็นชอบงบประมาณรายจ่าย
(๗) ตั้งอนุกรรมการ เพื่อกระทำการใด ๆ ตามที่มอบหมาย
ข้อบังคับสภาทหารผ่านศึกนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้
บังคับได้
มาตรา ๑๙ ให้มีการประชุมสามัญสภาทหารผ่านศึกอย่างน้อยทุกระยะเวลา
สามเดือน
ให้มีการเรียกประชุมวิสามัญสภาทหารผ่านศึกเมื่อนายกสภาทหารผ่านศึก
เห็นสมควร หรือเมื่อกรรมการตั้งแต่สามคนขึ้นไปร้องขอ
สภาทหารผ่านศึกจะเชิญบุคคลใดมาให้ข้อเท็จจริง คำอธิบาย คำแนะนำ
หรือความเห็นก็ให้กระทำได้
มาตรา ๒๐ การประชุมทุกคราวต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่าเก้าคน
โดยมีกรรมการที่ได้รับแต่งตั้งไม่น้อยกว่าประเภทละสามคนมาประชุม จึงเป็น
องค์ประชุม
มาตรา ๒๑ ให้นายกสภาทหารผ่านศึกเป็นประธานในที่ประชุม ถ้านายกสภา
ทหารผ่านศึกไม่มาประชุม ให้อุปนายกสภาทหารผ่านศึกเป็นประธาน ถ้าอุปนายก
สภาทหารผ่านศึกก็ไม่มาประชุมให้ที่ประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธาน
ในที่ประชุม
มาตรา ๒๒ มติของที่ประชุมให้ถือคะแนนเสียงข้างมาก ถ้าคะแนนเสียง
เท่ากัน ประธานที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด
มาตรา ๒๓ มติของสภาทหารผ่านศึกในกรณีที่เสนอต่อคณะรัฐมนตรีนั้น
ให้รัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ
ผู้อำนวยการเป็นอุปนายก รองผู้อำนวยการเป็นกรรมการโดยตำแหน่ง และกรรมการ
ซึ่งเป็นรัฐมนตรีแต่งตั้งด้วยความเห็นชอบของสภากลาโหม คือจากทหารผ่านศึก
ประจำการเจ็ดคน และทหารผ่านศึกนอกประจำการเก้าคน
ให้เลขานุการ อผศ. เป็นเลขาธิการสภาทหารผ่านศึกโดยตำแหน่ง
มาตรา ๑๕ กรรมการที่ได้รับแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งสองปี
ในวาระเริ่มแรก เมื่อครบกำหนดหนึ่งปี ให้กรรมการที่ได้รับแต่งตั้งประเภท
ทหารผ่านศึกประจำการพ้นจากตำแหน่งสามคน และประเภททหารผ่านศึก
นอกประจำการพ้นจากตำแหน่งสี่คน ทั้งนี้โดยวิธีจับสลากการพ้นจากตำแหน่งดังกล่าว
ให้ถือว่าเป็นการออกตามวาระ
ถ้าตำแหน่งกรรมการว่างลงเพราะเหตุอื่น นอกจากถึงวาระ ให้แต่งตั้งบุคคล
ในประเภทเดียวกันเป็นกรรมการแทนเท่าวาระของกรรมการที่พ้นจากตำแหน่ง
มาตรา ๑๖ ให้คณะกรรมการที่พ้นจากตำแหน่งตามวาระคงมีอำนาจและ
หน้าที่ดำเนินการในตำแหน่งต่อไปจนกว่ากรรมการที่ได้รับแต่งตั้งใหม่เข้ารับหน้าที่
กรรมการที่พ้นจากตำแหน่งตามวาระ อาจได้รับแต่งตั้งอีกได้ไม่เกินหนึ่งครั้ง
ติดต่อกัน
มาตรา ๑๗ กรรมการย่อมพ้นจากตำแหน่งก่อนถึงวาระ โดย
(๑) ลาออก
(๒) รัฐมนตรีให้ออกโดยความเห็นชอบของสภากลาโหม
(๓) กรรมการ ประเภททหารผ่านศึกประจำการหรือกรรมการประเภท
ทหารผ่านศึกนอกประจำการพ้นจากการเป็นทหารผ่านศึกประเภทดังกล่าว
มาตรา ๑๘ ให้สภาทหารผ่านศึกมีอำนาจหน้าที่วางนโยบายและควบคุม
กิจการทั่วไปของ อผศ. และให้มีอำนาจ
(๑) กำหนดข้อบังคับตามมาตรา ๑๑
(๒) กำหนดข้อบังคับเกี่ยวกับการบริหารงานและดำเนินกิจการ
(๓) กำหนดข้อบังคับเกี่ยวกับการเงิน ทรัพย์สิน และการบัญชี รวมทั้ง
การสอบบัญชีและการตรวจ
(๔) กำหนดข้อบังคับว่าด้วยบำเหน็จและเงินสะสมของพนักงาน
(๕) กำหนดข้อบังคับว่าด้วยกองทุนสงเคราะห์ เงินสมทบกองทุนสงเคราะห์
หรือการสงเคราะห์อื่น ๆ เพื่อสวัสดิการของผู้ปฏิบัติงานและครอบครัว ซึ่งเมื่อได้รับ
ความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้วให้ใช้บังคับได้
(๖) พิจารณาให้ความเห็นชอบงบประมาณรายจ่าย
(๗) ตั้งอนุกรรมการ เพื่อกระทำการใด ๆ ตามที่มอบหมาย
ข้อบังคับสภาทหารผ่านศึกนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้
บังคับได้
มาตรา ๑๙ ให้มีการประชุมสามัญสภาทหารผ่านศึกอย่างน้อยทุกระยะเวลา
สามเดือน
ให้มีการเรียกประชุมวิสามัญสภาทหารผ่านศึกเมื่อนายกสภาทหารผ่านศึก
เห็นสมควร หรือเมื่อกรรมการตั้งแต่สามคนขึ้นไปร้องขอ
สภาทหารผ่านศึกจะเชิญบุคคลใดมาให้ข้อเท็จจริง คำอธิบาย คำแนะนำ
หรือความเห็นก็ให้กระทำได้
มาตรา ๒๐ การประชุมทุกคราวต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่าเก้าคน
โดยมีกรรมการที่ได้รับแต่งตั้งไม่น้อยกว่าประเภทละสามคนมาประชุม จึงเป็น
องค์ประชุม
มาตรา ๒๑ ให้นายกสภาทหารผ่านศึกเป็นประธานในที่ประชุม ถ้านายกสภา
ทหารผ่านศึกไม่มาประชุม ให้อุปนายกสภาทหารผ่านศึกเป็นประธาน ถ้าอุปนายก
สภาทหารผ่านศึกก็ไม่มาประชุมให้ที่ประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธาน
ในที่ประชุม
มาตรา ๒๒ มติของที่ประชุมให้ถือคะแนนเสียงข้างมาก ถ้าคะแนนเสียง
เท่ากัน ประธานที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด
มาตรา ๒๓ มติของสภาทหารผ่านศึกในกรณีที่เสนอต่อคณะรัฐมนตรีนั้น
ให้รัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น